บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

อ่านตรงนี้ก่อน


ศาสนาพุทธอยู่กับคนไทยมานานนับเป็นพันปี  โดยเข้ามาที่หลังศาสนาพราหมณ์-ฮินดู  ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูนั้นก็ยังนับว่ามาทีหลัง “ผี”

ดินแดนขวานทองของไทยเรานี้จึงมีความเชื่อแบบ “พุทธ-ผี-พราหมณ์” กันมานานแสนนาน

เมื่อวิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอนของนิวตันเข้ามาเมืองไทยตั้งแต่ต้นรัชกาลที่ 4 โดยเข้ามากับ “ยุคทันสมัย” (Modern)

ความโด่งดังในการสร้างสิ่งก่อสร้างอันใหญ่โตมโหฬาร การผลิตสิ่งอันมหัศจรรย์ เช่น เครื่องบิน จรวด เครื่องอำนวยความสะดวกมากมายในชีวิต ฯลฯ เป็นต้น

ทำให้วิทยาศาสตร์มีอำนาจ และมีชื่อเสียง สามารถทำตัวเป็นเครื่องชี้วัดว่า “สิ่ง” ไหนจริงไม่จริง

“พุทธ-ผี-พราหมณ์” ต่างก็สูญเสียอำนาจวาสนาไปเสียสิ้น 

ไสยศาสตร์นั้นถูกกระทืบจมดินหายไปเลย 

โหราศาสตร์นั้น เนื่องจากคนไทยชอบนับถือโชคลาง จึงยังพอมีอำนาจอยู่ได้ แต่ต้องแอบๆ ทำ  มาในยุคไม่กี่ปีนี้ ที่มีโรค “ฟันธง” กับ “คอนเฟิร์ม” ออกทางทีวี  ดูแล้วโหราศาสตร์น่าจะมีศักดิ์ศรีดีขึ้น

ผู้ทำมาหากินกับโหราศาสตร์ต่างก็ร่ำรวยขึ้นไปตามๆ กัน

แพทย์แผนโบราณนั้น ถูกกระทืบจมดินไปเช่นเดียวกัน  นอกจากนั้นยังติดคุกอีกด้วย เพราะ รัฐบาลออกกฎหมายให้แพทย์สมัยเท่านั้น ที่รักษาโรคได้

แพทย์แผนโบราณพึ่งจะเริ่มมามีอิทธิพลอีกครั้งหนึ่ง ก็เนื่องจาก บริษัทยาของโลก “บ้า” อำนาจ ขึ้นราคายาจนสังคมทนไม่ไหว เริ่มต่อสู้และนำของเก่าของเราขึ้นมาปัดฝุ่นใช้ ซึ่งก็ได้ผลดีเสียด้วย

การแพทย์ทางเลือกจึงได้รับความนิยมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ศาสนาพุทธก็ได้รับผลกระทบจากวิทยาศาสตร์อย่างหนักเหมือนกัน  นรก-สวรรค์ที่เราเคยเชื่อถือกันมาดีๆ ก็ถูกตั้งข้อสงสัยว่า “ไม่มีจริง” เพราะ “พิสูจน์ไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์

คนที่เชื่อว่านรก-สวรรค์มีจริง กลับกลายเป็นคน “ไม่ทันสมัย” ล้าหลัง บ้านนอก

คนทันสมัยจึงกลายเป็นคนโกงชาติ โกงบ้านเมือง โกงทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งความดีของตนเอง

สังคมไทยจึงตกต่ำในด้านศีลธรรม-จริยธรรม-คุณธรรมจนรัฐบาลต้องตั้ง “ศูนย์คุณธรรม”(moral center)  ขึ้นมา ซึ่งดูแล้วก็พบว่า ไม่เห็นว่าจะมีทางก้อบกู้ความตกต่ำของสังคมไทยได้อย่างไร..

สังคมไทยขาดความโอบอ้อมอารี แยกพวกเป็นสี ฆ่าฟันกันกลางเมือง ก็เพราะการทำลายความเชื่อพื้นฐานเรื่องนรก-สวรรค์ลงไป

นักวิชาการจำนวนมาก เห็นว่าศาสนาพุทธ “ไม่จริง”  และหันไปสมาทานวิทยาศาสตร์ว่า “จริงกว่า” จึงมีหนังสือประเภท “ไอน์สไตน์ถาม พระพุทธเจ้าตอบ” ขึ้นมามากมาย

บางเล่มเป็นหนังสือขายดีเสียด้วย

บทความในชุดนี้ จะพิสูจน์ให้เห็นว่า วิทยาศาสตร์กับศาสนาพุทธเป็นองค์ความรู้คนละประเภทกัน

วิทยาศาสตร์ก็คือวิทยาศาสตร์  ศาสนาพุทธก็คือศาสนาพุทธ

ทั้ง 2 องค์ความรู้นั้น เราควรเรียนและควรศึกษาไปๆ พร้อมกัน  วิทยาศาสตร์จะช่วยชีวิตในชาตินี้ สุขสบาย  ส่วนศาสนาพุทธจะช่วยให้สุขสบายทั้งในชาตินี้และชาติต่อๆ ไป

วิทยาศาสตร์นั้นมี 2 ยุคคือ วิทยาศาสตร์เก่าแบบนิวตันและฟิสิกส์ใหม่แบบไอน์สไตน์ 

วิทยาศาสตร์เก่าแบบนิวตันนั้น เมื่อตั้งตัวเป็นเครื่องชี้วัดความจริงหรือไม่จริงขององค์ความรู้อื่นๆ รวมทั้งศาสนาพุทธ  ทำให้ศาสนาพุทธกลายเป็นของไม่จริงขึ้นมาทันที

แต่เมื่อฟิสิกส์ใหม่ลุกขึ้นมาโค่นอำนาจของวิทยาศาสตร์เก่าลงไปได้  องค์ความรู้ของฟิสิกส์ใหม่นั้น สนับสนุนองค์ความรู้ของศาสนาพุทธของเราเป็นอย่างดี

โปรดติดตามต่อไป......

********************************

ดร. มนัส โกมลฑา  (Ph.D. Integrated Sciences)
สาขาวิชามนุษยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
E-mail: komoltha4299@gmail.com;komoltha4299@yahoo.com
Web: https://sites.google.com/site/manaskomoltha
Blog: http://manaskomoltha.blogspot.com/