บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

รอยเท้าบนภูหินร่องกล้า




คอลัมน์สำรวจโลกเก่าของผู้จัดการออนไลน์ลงข่าว “นักธรณียืนยันรอยเท้าที่พบใน ภูหินร่องกล้าไม่ใช่ของมนุษย์” (http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000102632) แล้วมีผู้มาให้ความเห็นแตกต่างกันไป  

ผมอ่านแล้วเห็นว่า เป็นเหตุการณ์ที่เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องวิทยาศาสตร์กับศาสนาพุทธของเรา  จึงนำมาวิพากษ์วิจารณ์เพื่อให้เป็นการประเทืองปัญญากัน ดังนี้

เนื้อหาของข่าว

จากข่าวการค้นพบรอยเท้าบนก้อนหินใหญ่ที่อุทยานภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ทางทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ได้สอบถามไปยัง ผศ
ดร.บูรพา แพจุ้ย อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถึงความเป็นไปได้ที่จะพบรอยเท้ามนุษย์ในอุทยานดังกล่าว ซึ่งได้ให้ความเห็นว่าหินในอุทยานคงไม่ใช่หินช่วงที่มีมนุษย์เกิดขึ้นแล้ว

เนื่องจากหินที่ภูหินร่องกล้าเป็นหินที่เกิดในช่วง กลุ่มหินโคราชซึ่งคาบเกี่ยวยุคจูราสสิค (Jurassic) และยุคครีเตเชียส (Cretaceous) แต่ ผศ.ดร.บูรพากล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าภูหินร่องกล้าเป็นหินในยุคใด แต่โดยทั่วไปแล้วควรเป็นหินในยุคไดโนเสาร์ และรอยเท้าที่อยู่ในยุคนี้ไม่ควรเรียกว่า มนุษย์อย่างแน่นอน เพราะมีอายุเกิน 60 ล้านปี ที่เริ่มมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งกว่าจะมีมนุษย์ก็หลังจากนั้นอีกนาน

ผศ.ดร.บูรพากล่าวว่า เขามีความเชี่ยวชาญทางด้านหินอัคนี แต่ผู้ที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีคือผู้เชี่ยวชาญด้านหินตะกอน อย่างไรก็ดี เขามีความรู้ในระดับที่ลำดับเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาได้ ซึ่งเพียงพอที่จะบอกได้ว่ารอยเท้าดังกล่าวไม่ใช่รอยเท้ามนุษย์

นอกจากนี้ ผศ.ดร.บูรพาให้ความเห็นอีกว่า การค้นพบเพียงรอยเท้าเดียวยิ่งยากที่จะบอกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิต เพราะหากเห็นหลายๆ รอยเท้ายังพอบอกว่าคือรอยก้าวเดิน ซึ่งเป็นไปได้ว่ารอยเดียวที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นการหลุดร่อนหรือแตกออกไปเนื่องจากการกองทับของเศษอย่างอื่นที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่ทั้งนี้จะบอกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตใดนั้นต้องใช้นักบรรรพชีวินวิทยาดูเรื่องนี้อีกที

วิพากษ์วิจารณ์
ผมมีจุดยืนของผมว่า วิทยาศาสตร์ก็คือวิทยาศาสตร์ ไม่ควรนำเอาความรู้ความจริงของวิทยาศาสตร์มาเป็นบรรทัดฐานหรือตัดสินว่า “เนื้อหาของศาสนาพุทธเป็นจริงหรือไม่จริง”

ขอให้ท่านผู้อ่านคิดให้มาก ดร.บูรพา แพจุ้ย ท่านบอกว่าท่านเชี่ยวชาญเรื่องหินอัคนี ท่านจึงไม่แน่ใจ ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหินตะกอนมาเป็นคนบอก

จะเห็นได้ว่า นักวิทยาศาสตร์ในสาขาที่ใกล้เคียงกัน เขายังไม่กล้าฟันธงเลยว่า อันนี้จริง หรือไม่จริง

พวกพุทธวิชาการ พวกบ้าปริยัติจะมาอ้างว่า “นรกสวรรค์ไม่มีเพราะพิสูจน์ไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร” ก็นักวิทยาศาสตร์เขาไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้

มีนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งศึกษาเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เพราะ เขาอยากรู้ เขาไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ คือ ไม่ได้ต้องพิสูจน์ว่าศาสนาพุทธเป็นจริงหรือไม่ เช่น ดร. เอียน สตีเวนสัน ดร. ไบรอัน ไวส์ และเขาพบว่า เด็กระลึกชาติได้มีจริงๆ  คนระลึกชาติได้มีจริง

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็แสดงว่า นรกสวรรค์ของพุทธศาสนาก็สมควรจะมีจริงไปด้วยในทางวิชาการ ไม่ใช่ปฏิเสธอย่างเดียวว่า งมงายไม่จริง

พวกสมองหมาปัญญาควายจำพวกพวกพุทธวิชาการ พวกบ้าปริยัติก็ดันทะลึ่งไม่เชื่อนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้  

พวกนี้ตายไปแล้ว ขอให้ไปอบายภูมิที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้ก็แล้วกัน  ไม่ได้สาปแช่ง แต่อวยพรให้

มีผู้มาให้ความคิดเห็นหลายคน คนที่อยากจะนำมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อมีคนเดียวเขียนไว้ดังนี้

พระพุทธเจ้าได้เคยตรัสไว้แล้วว่า ก่อนที่จะมีมนุษย์ยุคปัจจุบันที่มีอายุ ประมาณ 100 ปี มีมนุษย์ เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้วมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว โดยในกัปล์ปัจจุบันนี้ที่เรียกว่า ภัทรกัปล์ มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นก่อนหน้าพระองค์ ถึง 3 ท่านแล้ว พระพุทธเจ้าพระองค์แรกใน ภัทรกัปล์ นี้คือ พระพุทธเจ้ากกุสันโธ สูง 80 ศอก (40 เมตร) มีอายุถึง 80000 ปี
เมื่อสิ้นศาสนาของพระองค์ ก็มีพระพุทธเจ้าโกนาคมโน สูง 40 ศอก (20 เมตร) ท่านมีอายุ 40000 ปีเมื่อสิ้นศาสนาของพระองค์ มีพระพุทธเจ้ากัสโป สูง 20ศอก (10 เมตร) ท่านมีอายุ 20000 ปี และเมื่อสิ้นศาสนาของพระองค์ ก็มีพระพุทธเจ้าโคตรโม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ ท่านมีอายุ 80 ปีสูง 4 ศอก (2 เมตร)

ศาสนาของท่านมีอายุ 5000 ปี และเมื่อสิ้นศาสนาของท่าน ก็จะมีพระพุทธเจ้า พระศรีอริยเมตตรัย สูง 80 ศอก ท่านมีอายุ 80000 ปี เมื่อสิ้นศาสนาของท่านโลกก็ดับสูญไป และ เกิดขึ้นใหม่ และมีผู้ที่มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ต่อไป ไม่สิ้นสุด

ที่กล่าวมาทั้งหมด มาจากคำกล่าวของพระพุทธเจ้า ที่บันทึกไว้ในพระตรัยปิฎก ซึ่งในพระตรัยปิฎกพระพุทธเจ้ายังอธิบายเรื่องราวต่างๆ เหตุและผลการเวียนว่ายตายและเกิดใหม่ของสัตว์ต่างๆ มามากมาย

โดยท่านกล่าวไว้ว่า หากเอามีดจิ้มลงบนพื้นดิน จะไม่มีที่ไหนเลยในโลกนี้ที่ไม่เคยเป็นที่ฝังศพของคนที่เคยตายในโลกนี้ และ ภูเขาที่สูงใหญ่ลูกหนึ่ง ยังเล็กกว่า กองกระดูกของคนๆหนึ่งที่เคยเกิดและตายมาแล้วไม่รู้กี่ชาติภพเคยมีมนุษย์เกิดขึ้นมาหลายสมัยแล้ว

วิพากษ์วิจารณ์

เรื่องที่ว่ามีพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ในโลกเรานั้นเป็นความจริง  และผมก็เชื่อเช่นนั้น  แต่ในบทความนี้ไม่เห็นจะเกี่ยวกับรอยเท้าบนภูหินร่องกล้าเลย

ที่สำคัญก็คือ เราไม่แน่ใจว่า พระพุทธเจ้าทรงทุกพระองค์ที่กล่าวพระนามมานั้น เกิดบนโลกใบเดียวกันนี้หรือไม่

คืออาจจะเป็นไปได้ว่า โลกใบนี้เกิดขึ้นมาแล้วก็มีธรรมชาติ มีต้นไม้ มีสัตว์ มีมนุษย์ มีพระพุทธเจ้า แล้วก็เกิดไฟประลัยกัลป์เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้น แล้วก็มีธรรมชาติ มีต้นไม้ มีสัตว์ มีมนุษย์ มีพระพุทธเจ้าใหม่อีกครั้งหนึ่ง

หรืออาจจะเป็นไปได้ว่า พอมีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งแล้ว  จักรวาลของเราอาจจะสูญสลายไป แล้วเกิด Big bang ใหม่อีกครั้ง  แล้วก็มีธรรมชาติ มีต้นไม้ มีสัตว์ มีมนุษย์ มีพระพุทธเจ้าใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ตามหลักวิชาธรรมกาย ผังของจักรวาล จักรพรรดิเป็นผู้สร้างขึ้น  ผังจะเป็นแบบเดิมไม่ว่าจะเกิดดับ เกิดดับกี่ครั้งก็ตาม

โดยสรุป 

ไม่ควรนำองค์ความรู้ในทางวิทยาศาสตร์มีตัดสินว่า องค์ความรู้ของศาสนาพุทธเป็นจริงหรือไม่เป็นจริง เพราะ เป็นคนละองค์ความรู้กัน

เราสามารถนำองค์ความรู้ของทั้งสองสาขามาศึกษาเพื่อเปรียบเทียบกันได้ เพื่อประโยชน์ในด้านวิชาการ และด้านการดำรงชีวิตของเรา
เพราะ วิทยาศาสตร์จำเป็นสำหรับชาตินี้ แต่ศาสนาพุทธจำเป็นสำหรับชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป








2 ความคิดเห็น:

  1. ผังจักรวาลเป็นแบบเดิมแม้ว่าโลกจะเกิดดับกี่ครั้ง ก็ประมาณว่า ต่อให้โลกแตกแล้วเกิดขึ้นใหม่ ก็จะมีสภาพทางภูมิศาสตร์เหมือนเดิมทุกอย่าง คือ ยังมีพื้นที่ที่เป็นประเทศไทย ลาว อินเดีย รัสเซีย อเมริกา เหมือนเดิม พื้นที่ที่เป็นประเทศอินเดียก็ยังมีการปกครองแบบแบ่งชนชั้นวรรณะเหมือนเดิม ใช่ไหมครับ

    เพราะเท่าที่ลองอ่านชาดกดู พบว่า อดีตชาติของพระพุทธเจ้า ที่อยู่ก่อนหน้านี้หลายกัป (โลกแตกดับแล้วเกิดใหม่ไปหลายครั้งแล้ว) ในยุคนั้นก็ยังมีมัชฌิมประเทศ (เอเชียใต้) แล้วมีระบบการเมือง เศรษฐกิจ สังคม คล้ายกับเอเชียใต้ในสมัยพุทธกาล คือมีการแบ่งชั้นวรรณะ มีระบอบราชาธิปไตย มีการทำการค้าขาย

    ผมยังงงอยู่ว่า ทำไมโลกแตกดับมาหลายรอบแล้ว สภาพต่างๆของโลกถึงเหมือนเดิมตลอด

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. คำว่า "ผังเดิม" น่าจะเป็นผังในระดับกว้างๆ คือ มีโลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ฯลฯ เหมือนเดิม

      แต่ในระดับประเทศ คงไม่เป็นอย่างนั้น คือ มีชนชั้น มีประเทศ แต่ไม่ใช่ว่า มีอินเดียว เนปาล ไทย เป๊ะๆ แบบนี้

      อาจจะเป็นชื่ออื่นๆ มีความแตกต่าง

      ที่ส่วนใหญ่เหมือนเดิม เพราะ กิเลสต่างๆ มันเป็นตัวเดิม

      ลบ