บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ลูซี่กับสมอง 100 %


หนังสือเรื่องลูซี่เข้าฉายในบ้านเราไปแล้ว  มีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ให้ความคิดเห็นกันมากในสื่อออนไลน์ ส่วนใหญ่มักจะเห็นว่า หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับศาสนาพุทธ 

การที่ลูซี่มีพัฒนาการทางสมองสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำอะไรก็ได้ที่คนปกติธรรมดาทำไม่ได้ ก็คือ การบรรลุธรรม หรือบางท่านก็ว่า เข้านิพพานไปเลยทีเดียว

ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์กัน  อ่านเรื่องย่อกันก่อน  ผมย่อให้สั้นที่สุดแล้ว  หากได้รายละเอียดมากกว่านี้ก็ไปหาอ่านกันเอง

ลูซี่เป็นผู้หญิงอเมริกัน 25 ปีที่อาศัยอยู่และการเรียนในไต้หวัน  เธอถูกตัวโกงจับผ่าท้องเอายาเสพติดสังเคราะห์จาก CPH4 ใส่เข้าไป เพื่อขนส่งออกจากไต้หวัน

ลูซี่ถูกทำร้ายโดยลูกน้องของตัวโกงทำให้ยาเสพติดเข้าในระบบร่างกายของเธอ เป็นผลให้ลูซี่มีประสิทธิภาพของสมองมากขึ้น

ประสิทธิภาพสมองของลูซี่พัฒนาขึ้นจาก 10 % จนถึง 100  %  เมื่อประสิทธิภาพสมองเพิ่มถึงขีดสูงสุด  ลูซี่ก็เข้าเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แล้วก็หายไป โดยไปอยู่ทุกแห่งทุกหน

ต่อไปดูตัวอย่างชื่อกระทู้ในเว็บพันธุ์ทิพย์

- Lucy สวยสังหาร กับสิ่งที่ดูแล้วมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ
- Lucy คือหนังปรัชญาศาสนาพุทธที่อ้างอิงหลักการทางวิทยาศาสตร์ใช่ไหมอ่ะ
- Lucy กับ พุทธศาสนา
ทำความเข้าใจง่ายๆ กับ LUCY กับข้อสงสัยในเชิงการแพทย์และศาสนา (CPH4 มีจริง)
-  และ ข้องใจ "LUCY" เป็นหนัง วิทยาศาสตร์ หรือ ศาสนา
- จากเรื่อง Lucy ถ้ามนุษย์สามารถดึงการทำงานของสมองมาได้ถึง 100% จริงๆ
- ขอเก็บตก Lucy ช่วงสมองทำงาน 90%-99% และอีกมุมการตีความว่าหนังอิงไม่ศาสนาพุทธ
- ดู LUCY มาแล้ว ดูแล้วไม่เกี่ยวกับศาสนาพุทธเลยสักนิด
-  Lucy (2014) กับมุมมองที่ไม่ขอตีความไปทางศาสนา
-  เปรียบเทียบ Lucy กับศาสนาพุทธ

สำหรับมุมมองของผมนั้น  หนังเรื่องลูซี่เป็นจินตนาการที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และปรัชญา ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธเลย 

เรื่องนี้ต้องอธิบายไปถึงพื้นฐานของความรู้คือ ความรู้พื้นทางทางปรัชญา  แนวทางปรัชญาตะวันตกนั้น  เอาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้  มีความเชื่อพื้นฐานมี 2 ประการคือ วัตถุนิยม (Materialism) กับจิตนิยม (Idealism)

วัตถุนิยม หรือ สสารนิยม (Materialism) เป็นแนวคิดทางปรัชญา ที่ถือว่ามีเพียงสสารและปรากฏการณ์ของสสารที่เป็นจริง

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นต่างๆ เกิดจากผลผลิตของสสาร วัตถุนิยมหรือสสารนิยม จัดเป็นปรัชญาแบบเอกนิยม คำอธิบายของวัตถุนิยมนั้นขัดแย้งกับปรัชญาจิตนิยม

จิตนิยม (Idealism) เชื่อว่า มนุษย์เรามีองค์ประกอบ 2 อย่างคือ จิต กับ ร่างกาย และเชื่อว่า จิตนั้นมีความสำคัญมากกว่าร่างกาย เพราะเป็นตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์

จิตหรือวิญญาณนั้นเป็นอมตะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ร่างกายนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปมา มีเกิดมีดับตามสภาพโลกภายนอก จึงทำให้ร่างกายเกิดสุขหรือทุกข์ต่างๆ

จิตนิยมมองว่า จิตนั้นทำหน้าที่ควบคุมร่างกาย ส่วนร่างกายเป็นเพียงสิ่งที่ทำตามความต้องการของจิตเท่านั้น

ถ้าจะจัดประเภทของวิทยาศาสตร์กับศาสนาพุทธให้เข้ากับระบบปรัชญาดังกล่าว  วิทยาศาสตร์จะอยู่กับวัตถุนิยม  ส่วนศาสนาพุทธจะอยู่กับจิตนิยม

ขอให้สังเกตหนังฮอลลีวู้ดต่างๆ ถ้าพระเอกจะเก่งขึ้นมาแบบอัศจรรย์พันลึก  พระเอกเหล่านั้น จะต้องได้รับ "สิ่ง" ต่างๆ ที่เป็นวัตถุ จับต้องได้ 

ยกตัวอย่างกันสักเล็กน้อย

- ไอรอนแมน (Iron Man) พระเอกจะต้องสวมเกราะ
- เดอะวูล์ฟเวอรีน (The Wolverine) พระเอกได้รับการผ่าตัด
- สไปเดอร์แมน (Spider-Man) พระเอกถูกแมงมุมกัด

จะเห็นได้ว่า หนังฮอลลีวู้ดอยู่ในปรัชญาวัตถุนิยม  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 

ความเชื่อดังกล่าวก็เป็นความเชื่อพื้นฐานของวิทยาศาสตร์เก่าแบบนิวตัน

ที่นี้มาดูความเก่งของพระเอกที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธบ้าง  ตัวอย่างจากหนังไทยไม่ค่อยมี  มีแต่มาจากหนังจีนหรือนิยายจีน (นึกของไทยไม่ออก)

พระเอกของหนังจีนหรือนิยายจีนกำลังภายในนั้น ส่วนใหญ่จะไปฝึกจิต บำเพ็ญฌานอะไรก็ว่าไป จึงจะเก่งขึ้นมา  ไม่ต้องมีวัตถุใดๆ มาสนับสนุน

ถ้าจะไปได้อะไรมาก็จะต้องเกี่ยวกับ "จิต" เช่น คาถาอาคม พลังฌานจากครูบาอาจารย์ ฯลฯ เป็นต้น

จากที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น จะเห็นได้ว่า  หนังฮอลลีวู้ดส่วนใหญ่แล้ว มีความเชื่อทางวิทยาศาสตร์กำกับอยู่  ถ้าไม่อย่างนั้น คนดูเขารับไม่ได้ เพราะ ไม่มีความเป็นเหตุเป็นผล

ส่วนในทางตะวันออกนั้น เราเชื่อไปทางด้าน จิตนิยม (Idealism)  คนจะเก่งได้ต้องไปฝึกสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน บำเพ็ญฌานอะไรก็ว่ากันไป

กลับมาที่สมองพัฒนาได้ถึง 100%  ของลูซี่

จากเอกสารของทางตะวันตก เชื่อกันว่าการใช้ประสิทธิภาพของสมองมนุษย์ในปัจจุบัน ประมาณ 10 - 20 % แล้วแต่ตำรา 

ทางตะวันตกเชื่อว่า มนุษย์สามารถพัฒนาขึ้นได้อีก จากการพัฒนาสมอง  หนังฮอลลีวู้ดจึงต้องมี "สิ่ง" อะไรไปทำให้สมองมีพัฒนาการทำงานมากขึ้น

ในหนังเรื่องลูซี่สวยพิฆาต ก็คือ สาร CPH4  ซึ่งมีจริง  แต่น้อย และมีได้ในขณะที่เด็กในท้องมีอายุไม่มากนัก

สำหรับในทางศาสนาพุทธนั้น  สมองไม่ได้เป็น "ตัวคิด"  เรามี "ใจ" คือ เห็น-จำ-คิด-รู้ เป็นตัวทำงาน  สมองทำตาม เห็น-จำ-คิด-รู้ เท่านั้น

ดังนั้น ในการพัฒนาประสิทธิภาพของมนุษย์  ศาสนาพุทธจึงพัฒนาที่จิต-ใจ-วิญญาณ

การที่คนดูหนังจำนวนหนึ่ง มีความคิดเปรียบเทียบหนังเรื่องลูซี่ ที่นางเอกมีพัฒนาทางสมองเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 100%  

แล้วก็เก่งขึ้นจนเหลือเชื่อ ว่าเป็นการบรรลุธรรมบ้าง ไอ้โน่นบ้าง ไอ้นี่บ้างก็นับได้ว่า เป็นการฝึกพัฒนาความคิดอย่างหนึ่ง

แต่สิ่งน่ากลัวก็คือ  พวกนี้คิดแบบไม่มีความรู้พื้นฐานทางปรัชญารองรับ  คือ คิดมั่วไปเรื่อย  ถ้าไม่เลิกคิด หรือไปเถียงกันกับคนที่คิดต่าง 

มันน่าจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี






1 ความคิดเห็น:

  1. คุณพยาม จะเชื่อมโยงเรื่องลูชี่ ให้เข้ากับ ศาสนาแต่คุณไม่มีความรู้ด้าน จิต ความคิด ทางศาสนาเลย ยังงัย กยังห่างความจริงอยู่มาก มาย การจะมอง ไปในรูปแบบของศาสนานั้น คงไม่มี ศาสนาไหนใดเลย ที่มีทบบันญัติ ลำพังสมองอย่างเดียวทำอะไรไม่ได้ อยู่แล้ว สิ่งที่ทำให้ คนธรรมดา อย่างเราๆ ท่านๆ มีความพิเศษได้นั้น มีกันได้ทุกคน ขอย้ำมีได้ทุกคน คือพัฒนาจิต ที่ให้มีสำนึกรู้ คือ ศีล สมาธิ ที่ทำให้เกิดปัญญา ตัวอย่างมีให้เห็นในสมัยครั้งพุทธการ มีผู้เข้าถึงสมองได้ 100 เปอร์คือ เหล่าพระอรหัน และเกิน 100 เปอร์คือ พระทุธเจ้า สามารถกำหนดตัวเอง กำหนดผู้อื่น ตลอดจนแสดงปฏิหารต่างได้ นั่นไม่ใช่เรื่องจริง หรอก หรือ โปรดใช้สำนึกคิดและตรึกตรอง ด้วยความคิดอันแลาด เถิด

    ตอบลบ