บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

หุ่นยนต์มีวิญญาณ


มีกระทู้ที่น่าสนใจทั้งในแง่ศาสนาและวิทยาศาสตร์ในเว็บพันธุ์ทิพย์ที่น่าสนใจและควรนำมาอภิปรายกัน ชื่อ “ท่านทาไลลามะ บอกว่าในอนาคต เราจะสามารถทำหุ่นยนต์ที่มีวิญาณได้

เนื้อหาของกระทู้มี ดังนี้

คือ ในความเห็นของท่าน ท่านบอกว่า ถ้าเราสามารถใส่ความคิดจิตวิญาณแบบคนเข้าไปในหุ่นยนต์ได้ หุ่นยนต์นั้นก็มีวิญาณ

และมันก็ไม่ต่างจากวิญาณเข้าไปในร่างกายคนตอน คนอยู่ในท้อง

วิญาณก็เข้าไปในเครื่อง ตอนรันเครื่องครั้งแรก การปิดเครื่องก็เหมือนการนอนหลับ

ถามว่า ถ้าอนาคตของการวิวัฒนาการเป็นเช่นนั้น ท่านจะทำใจได้หรือไม่

มีคนเข้าไปซักถามเล็กๆ น้อยๆ จนกระทั่งโยงไปถึงข่าว “บิลล์ เกตส์” กังวล AI แกร่งเกินควบคุม” ในผู้จัดการออนไลน์ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้

อาจเป็นอีกครั้งที่ “บิลล์ เกตส์” (Bill Gates) ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ได้ออกมาแสดงความกังวลถึงอนาคตมนุษย์ในการอยู่ร่วมกับ “ปัญญาประดิษฐ์” (Artificial Intelligence หรือ AI) เนื่องจากเกรงว่าสักวันหนึ่งระบบ AI จะแข็งแกร่งจนเกินควบคุมได้
      
การแสดงทัศนะของ มร.เกตส์ในครั้งนี้เกิดขึ้นผ่านชุมชนออนไลน์อย่าง Reddit ที่เขาเข้าร่วมตอบคำถามเป็นครั้งที่สาม ในคำถามประเภท AMA (Ask Me Anything)

ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าทัศนะของ มร.เกตส์ในครั้งนี้ ยังขัดแย้งกับผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของไมโครซอฟท์อย่าง Eric Horvitz ที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ด้วยว่า AI ไม่เป็นภัยต่อมนุษยชาติ
      
โดยในระหว่างที่ มร. บิลล์ เกตส์ อยู่ในช่วงถามตอบบน Reddit นั้น เขาได้อธิบายว่า “มีความกังวลเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ประเภท Super Intelligence มากขึ้น ซึ่งเรายังพอจัดการได้หากเป็นเครื่องจักรประเภทที่เข้ามาทำงานต่างๆ แทนมนุษย์

แต่ในอีก 20-30 ปีต่อจากนี้ เป็นไปได้ว่าปัญญาประดิษฐ์เหล่านั้นจะพัฒนาไปมากจนน่าเป็นห่วง และไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมบางคนถึงไม่คิดว่า มันเป็นเรื่องอันตราย”
       
ทัศนะของบิลล์ เกตส์ในเรื่องดังกล่าวได้รับการกดไลก์จาก มร.Elon Musk และศาสตราจารย์สตีเฟน ฮอว์กกิ้ง ด้วย

โดยศาสตราจารย์คนดังได้กล่าวไว้ว่า เขารู้สึกว่าเครื่องจักรที่มาพร้อมปัญญาประดิษฐ์สามารถมองเห็นอวสานของมนุษยชาติได้แล้ว

เราสามารถสรุปประเด็นซึ่งเป็นปัญหาที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันดังนี้

1- หุ่นยนต์จะมีวิญญาณเหมือนมนุษย์ได้หรือไม่
2- หุ่นยนต์จะรวมหัวกันเพื่อฆ่ามนุษย์ชาติได้หรือไม่

1- หุ่นยนต์จะมีวิญญาณเหมือนมนุษย์ได้หรือไม่

ตรงนี้ เราสามารถตีความได้เป็น 2 ประเด็นจากคน 2 คน คือ ทะไลลามะกับบิลล์ เกตส์  ทะไลลามะคิดว่า หุ่นยนต์จะมีวิญญาณได้แบบเดียวกับคนที่มาเกิด 

ส่วนบิลล์ เกตส์ คงมองในแง่วิทยาศาสตร์ว่า ต่อไปข้างหน้าหุ่นยนต์คงทำทุกอย่างได้เหมือนมนุษย์

ในการอภิปรายครั้งนี้ ผมจะใช้ทฤษฎีหรือองค์ความรู้จากวิชาธรรมกายเข้าไปวิเคราะห์

ในทางวิชาธรรมกายนั้น โอกาสที่หุ่นยนต์จะมีวิญญาณเหมือนมนุษย์นั้น เป็นไปได้ยากมาก ในทางวิทยาศาสตร์ก็เช่นเดียวกัน หุ่นยนต์จะพัฒนาการทางระบบคิดให้เหมือนมนุษย์ได้ยากมากเช่นเดียวกัน

เอาประเด็นของทะไลลามะก่อน  การที่วิญญาณของกายละเอียดใดๆ ไม่ว่าจะเป็นสัมภเวสี หรือผีสาง เทวดาจะเข้าไปสิสู่งอยู่ใน “สิ่งที่ไม่มีชีวิต” นั้น  เป็นไปได้อยู่แล้ว เราก็รับทราบอยู่เป็นประจำ

เช่น เจ้าพ่อเจ้าแม่ตามศาลต่างๆ ผีบ้านผีเรือน ผีตานี ผีตะเคียน ฯลฯ เป็นต้น  แต่การที่วิญญาณจะไปสวมตัวหุ่นยนต์ แล้วทำให้หุ่นยนต์ทำอะไรได้เหมือนมนุษย์นั้น

พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เอาหุ่นยนต์แทนกายมนุษย์หยาบ  เอา กาย-ใจ-จิต-วิญญาณของกายมนุษย์ละเอียดไปซ้อนกับหุ่นยนต์เลย ทำนองนั้น

ยังไม่มีความรู้อะไรในทางศาสนาที่จะไปรองรับได้  แต่ก็ต้องยอมรับว่า “เป็นความคิดที่เข้าท่าเหมือนกัน

มาถึงประเด็นของบิลล์ เกตส์บ้าง

บิลล์ เกตส์เขาจะมองแบบวิทยาศาสตร์ คือ คิดว่าสมองเป็นตัวคิดของมนุษย์  บิลล์ เกตส์ยังเห็นอีกว่า องค์ความรู้ทางคอมพิวเตอร์พัฒนาขึ้นมาโดยตลอด ขนาดของตัวหน่วยความจำต่างๆ ก็เล็กลงเรื่อย แต่เก็บปริมาณของความจำได้มากขึ้น

ดังนั้น อีกไม่กี่ปี นักวิทยาศาสตร์คงจะพัฒนา “สมอง” ของคอมพิวเตอร์ได้เท่ากับสมองของคน ซึ่งจะทำให้หุ่นยนต์ทำอะไรได้เหมือนคน

ในความเป็นจริงแล้ว  คอมพิวเตอร์นี่มันไม่ได้ฉลาดเหมือนคน คือ คิดได้อย่างคนนะครับ  มันโง่สุดๆ เพราะ มันคิดไม่ได้แต่ “มันจำแม่น

การที่คอมพิวเตอร์เหมือนจะคิดได้นั้น มันไม่ได้คิดแบบคน แต่มีการป้อนความรู้ให้มันเยอะมาก แล้วก็สอนให้มัน “เลือก” แบบตรรกวิทยา

ดังนั้น ถ้าเรื่องไหนยังไม่มีการป้อนข้อมูลให้มัน  มันก็จะไม่รู้เรื่องนั้นเลย 

ยกตัวอย่างให้สุดกู่ไปเลย หุ่นยนต์ไม่ว่าจะพัฒนาไปอย่างไร จะทำให้มันร้องไห้ด้วยใจจริงแบบมนุษย์ไม่ได้โดยเด็ดขาด

มันจะร้องไห้ได้แบบปลอมๆ เพราะ ป้อนข้อมูลให้มันเท่านั้น

ตรงนี้ ต้องบอกท่านผู้อ่านก่อนว่า  อย่าหาว่า ผมเสือก สะเออะไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องวิทยาศาสตร์ทั้งๆ ที่ไม่รู้ 

ผมเรียนปรัชญาในชั้นปริญญาเอก  ต้องเรียนวิชา “ปรัชญาวิทยาศาสตร์” ด้วย และผมชอบอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์และความรู้ทางด้านฟิสิกส์ใหม่ๆ อยู่เป็นประจำ 

รับรองผมมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์และปรัชญาวิทยาศาสตร์มากพอที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้

มาพิจารณาในแง่ของวิชาธรรมกายบ้าง  ในทางวิชาธรรมกายสมองไม่ใช่ตัวคิด  ตัวที่คิดคือ “ใจ”  สมองเป็นเครื่องมือของใจเท่านั้น

บางเรื่องบางราวของคนก็ไม่เกี่ยวกับสมองด้วย  เช่น เรื่องความรัก ความเกลียด ฯลฯ เป็นต้น

โดยสรุป 

โอกาสที่หุ่นยนต์จะมีความคิดเหมือนมนุษย์ สามารถทำอะไรได้เหมือนมนุษย์ มีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก 

ในทางปรัชญา เราไม่สามารถปฏิเสธ “เรื่อง” หรือ “ทฤษฏี” ใดๆ เป็นเด็ดขาด เพราะ เราไม่ได้มีความรู้มากถึงขนาดนั้น

ดังนั้น  โอกาสที่หุ่นยนต์สามารถทำอะไรได้เหมือนมนุษย์ก็ยังมีอยู่ แต่ย้ำว่า “น้อยมาก”

2- หุ่นยนต์จะรวมหัวกัน เพื่อฆ่ามนุษย์ชาติได้หรือไม่

ข้อ 2 นี้ ทะไลลามะไม่ได้เสนอความคิดไว้ เป็นความคิดของบิลล์ เกตส์คนเดียว อาจจะดูหนังฮอลลีวู้ดบ่อยหรือเปล่าก็ไม่ทราบ  ผมก็เลยเอาหุ่นยนต์จากเรื่อง “คนเหล็ก” มาเป็นภาพประกอบเสียเลย

วิพากษ์วิจารณ์ทางวิทยาศาสตร์กันก่อน

ถ้านักวิทยาศาสตร์สร้างหุ่นยนต์ที่มีความฉลาดเฉลียวได้ถึงขนาดใกล้เคียงมนุษย์ ผมว่า เขาจะต้องใส่ กฎ 3 ข้อของหุ่นยนต์ ตั้งขึ้นโดย ไอแซค อสิมอฟไว้ในสมองของหุ่นยนต์แน่ๆ

1- หุ่นยนต์มิอาจกระทำการอันตรายต่อผู้ที่เป็นมนุษย์ หรือนิ่งเฉยปล่อยให้ผู้ที่เป็นมนุษย์ตกอยู่ในอันตรายได้

2- หุ่นยนต์ต้องเชื่อฟังคำสั่งที่ได้รับจากผู้ที่เป็นมนุษย์ เว้นแต่คำสั่งนั้นๆ ขัดแย้งกับกฎข้อแรก

3- หุ่นยนต์ต้องปกป้องสถานะความมีตัวตนของตนไว้ ตราบเท่าที่การกระทำนั้นมิได้ขัดแย้งต่อกฎข้อแรกหรือกฎข้อที่สอง

โดยกฎเหล่านี้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในฉากเริ่มเรื่องของภาพยนตร์ ไอ โรบอท(I, Robot)
อ้างอิงจาก คู่มือหุ่นยนต์ศาสตร์ ฉบับแก้ไขครั้งที่ 56 ค.ศ. 2058

ต่อมาในภายหลัง ได้มีการเพิ่มกฎข้อ 0 ลงไป คือ

0. หุ่นยนต์มิอาจกระทำการอันตรายต่อมนุษยชาติ หรือนิ่งเฉยปล่อยให้มนุษยชาติตกอยู่ในอันตรายได้

โดยการกระทำตามกฎข้อ 1, 2 และ 3 จะต้องไม่ขัดกับกฎข้อ 0 นี้

ดังนั้น ในทางวิทยาศาสตร์ “หุ่นยนต์จะรวมหัวกัน เพื่อฆ่ามนุษย์ชาติไม่ได้แน่ๆ”

วิพากษ์วิจารณ์ทางวิชาธรรมกายบ้าง

ในทางวิชาธรรมกาย พระพุทธเจ้ามี 3 ภาค  ภาคพระ ภาคกลาง ภาคมาร  ถ้าจะมีการทำให้หุ่นยนต์เก่งเหมือนมนุษย์ ก็จะต้องเป็น พระพุทธเจ้าภาคมารเท่านั้น

ต่อไป พระพุทธเจ้าภาคมาร ก็ต้องสอนให้หุ่นยนต์รวมหัวกันเพื่อไปฆ่ามนุษย์ 

ในแง่นี้ เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน  เพราะ ในการทำลายล้างมนุษย์ด้วยสงครามต่างๆ นั้น พระพุทธเจ้าภาคมารกำกับการแสดงอยู่ทั้งนั้น และทำอยู่ทุกวันนี้ด้วย

ไม่ต้องไปสร้างหุ่นยนต์เพื่อมาทำลายมนุษย์ให้เสียเวลา..........






3 ความคิดเห็น:

  1. "เอา กาย-ใจ-จิต-วิญญาณของกายมนุษย์ละเอียดไปซ้อนกับหุ่นยนต์" ทำไปทำไมล่ะครับ?

    ตอบลบ
  2. ถ้าหุ่นยนต์มันจะทำอะไรได้เหมือนคน หลักการก็ต้องเป็นแบบนั้น

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ28 พฤษภาคม 2560 เวลา 08:52

    การทีเราร้องให้ เราแน่ใจได้อย่างไรครับว่าเราร้องออกมาจริงๆ โดยไม่ได้มาจากคติหรือมายา หรือความไม่รู้ใดๆ เราจึงไม่ต่างจากเครื่องจักรหรอกครับ เราแน่ใจหรือครับว่าเราไม่ได้ถูกโปรแกรมขึ้นมา สภาวะรอบตัวเราการเติมแต่งข้อมูลของเราทำให้เป็นเรา

    ตอบลบ