บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ความสุขติดต่อได้ (Happiness Is Infectious)


วารสารออนไลน์ British Medical วันที่ 6 ธันวาคม 2551 ลงบทความเรื่อง Happiness Is Infectious

หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ ได้แปลบทความดังกล่าวโดยใช้ชื่อบทความว่า  “สหรัฐเผยผลวิจัย ความสุขติดต่อได้”

เนื้อหาของข่าวมีดังนี้ 

โพสต์ทูเดย์ ผลวิจัยสหรัฐเผยความสุขสามารถติดต่อได้ในหมู่สมาชิกครอบครัวและเพื่อนฝูง

นิโคลัส คริสตากีส ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และเจมส์ ฟาวเลอร์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐ ระบุในผลการศึกษา ตีพิมพ์ในวารสารบริติช เมดิคอล เจอร์นัล ฉบับล่าสุดว่า การเปลี่ยนแปลงความรู้สึกสุขส่วนตัวนั้นสามารถส่งผ่านเครือข่ายทางสังคมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกครอบครัวและเพื่อน

สิ่งสำคัญที่ได้จากการศึกษาในครั้งนี้คือ สุขภาพและการมีชีวิตที่ดีของบุคคลคนหนึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการมีชีวิตที่ดีของบุคคลอื่นได้รายงานระบุ

ทั้งนี้ ผลการศึกษาอธิบายว่า ความใกล้ชิดทางด้านร่างกายมีผลต่อปริมาณความสุขของแต่ละคน อาทิ หากบุคคลหนึ่งๆ มีเพื่อนที่กำลังมีความสุข และอาศัยอยู่ด้วยกันภายในระยะทางราว 1 ไมล์ บุคคลนั้นๆ ก็จะรู้สึกมีความสุขเพิ่มขึ้นราว 25% และถ้าอาศัยอยู่ร่วมกับคนที่มีความสุขก็จะมีความสุขเพิ่มขึ้นถึง 8% ญาติพี่น้องที่มีความสุขและอาศัยอยู่ใกล้กันจะทำให้มีความสุขเพิ่มขึ้น 14% ขณะที่หากมีเพื่อนบ้านที่มีความสุขจะทำให้มีความสุขเพิ่มขึ้นราว 34%

อย่างไรก็ดี การมีเพื่อนร่วมงานที่มีความสุข กลับไม่ได้ส่งผลให้คนเรามีความสุขเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า สภาพแวดล้อมที่แตกต่างทางสังคมส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของบุคคล

บทบรรณาธิการในวารสารดังกล่าว ระบุด้วยว่า ผลศึกษาครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าทางสังคม โดยมีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการออกแบบนโยบาย และมาตรการทางด้านสังคมศาสตร์

โดยผลศึกษาดังกล่าวได้จากการศึกษากลุ่มตัวอย่าง อายุ 21-70 ปี จำนวน 5,124 คน ระหว่างปี 2514-2546

ใครก็รู้ได้ แต่สำคัญอยู่ที่ว่า เข้าใจหรือเปล่า ไอน์สไตน์

การวิจัยนี้ ชี้ให้เห็นเรื่อง “รู้” กับ “เข้าใจ” ได้เป็นอย่างดี คือ การในศึกษาวิจัยนั้น  ส่วนใหญ่แล้ว นักวิจัย “รู้” ว่า ความรู้นี้ เป็นจริงหรือไม่ อย่างไร มีปัจจัยสาเหตุอย่างไร แต่นักวิจัย “ไม่เข้าใจ” ว่าทำไมเป็นอย่างนั้น

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะ ไอน์สไตน์ชอบพูดว่า ใครก็ “รู้” ได้ แต่สำคัญอยู่ที่ว่า “เข้าใจ” หรือเปล่า

เรื่องนี้ วิชาธรรมกายอธิบายได้สบายมาก และวิชาธรรมกายมี “วิธีการ” ที่ดีกว่านั้นอีก ในการให้ความสุขของเรา เผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นได้

การปฏิบัติธรรมของพุทธเถรวาทไม่ว่าจะเป็นสายใด ทำได้แค่เพียง “แผ่เมตตา” ให้กับเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง สรรพสัตว์ ซึ่งจะถึงหรือไม่ ส่วนใหญ่ก็สุ่มเสี่ยงกันไป

เพราะ มีหลักการอยู่ว่า การสร้างบุญบารมีแล้วแผ่เมตตาไปให้คนอื่นหรือสรรพสัตว์นั้น  ถึงพวกเขาเหล่านั้น ไม่ได้บุญบารมีที่เราแผ่ไป  แต่เรานั้น ได้แน่ๆ  แต่ได้แค่กายเนื้อของท่านเท่านั้น

วิชาธรรมกายนั้น เมื่อเราแผ่บุญบารมีไปให้ใครก็ตาม  เรามีวิธีการตรวจสอบได้ทันทีว่า คนอื่นหรือสรรพสัตว์นั้น ได้รับบุญบารมีของเราหรือไม่

วิทยากรของเราจำนวนมากเลย ที่มี “ผี” หรือ “เปรต” มาเยี่ยมเยียนเพื่อขอบุญบารมี เมื่อเราตั้งใจ “ให้”  พวกเขาเหล่านั้น กลับกลายเป็นเทวดาทันที  และส่วนใหญ่ก็ไปสวรรค์ทันทีเหมือนกัน แต่มีการบอกลา หรือขอบคุณ

วิชาธรรมกายยืนยันว่า กายของเรามี 18 กาย ดังนี้
1) กายมนุษย์หยาบ ก็คือ กายเนื้อของเรา
2) กายมนุษย์ละเอียด
3) กายทิพย์หยาบ
4) กายทิพย์ละเอียด
5) กายพรหมหยาบ
6) กายพรหมละเอียด
7) กายอรูปพรหมหยาบ
8) กายอรูปพรหมละเอียด
9) กายธรรมโคตรภูหยาบ
10) กายธรรมโคตรภูละเอียด
11) กายธรรมพระโสดาหยาบ
12) กายธรรมพระโสดาละเอียด
13) กายธรรมพระสกิทาคามีหยาบ
14) กายธรรมพระสกิทาคามีละเอียด
15) กายธรรมพระอนาคามีหยาบ
16) กายธรรมพระอนาคามีละเอียด
17) กายธรรมพระอรหัตหยาบ
18) กายธรรมพระอรหัตละเอียด

กายของเราทั้ง 18 กายนั้น ไม่ใช่มีอยู่เฉยๆ เพื่อประดับบารมี แต่ละกายเขามีใจ/จิต/วิญญาณเป็นของเขาเอง  คือ ทั้ง 17 กาย เขาคุยกันเองได้ และคุยกับกายเนื้อได้

ไม่รู้จะเขียนอย่างไรให้เข้าใจง่ายๆ  เอาง่ายๆ เลย  กายมนุษย์หยาบกับกายมนุษย์ละเอียด (กายฝัน) คุยกัน ปรึกษากัน ทำงานปราบมารร่วมกันได้ ว่าอย่างงั้นเถอะ

ดังนั้น ตอนที่เราเดินวิชาประจำวัน ซึ่งเป็นวิชาพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนในโลกต้องทำ  แต่ส่วนใหญ่เกิดมาแล้ว ไม่รู้เรื่องนี้

จึงทำให้มารชักนำชักจูงไปในทางเสื่อมได้เรื่อยๆ  ส่งผลให้เวียนตายเวียนเกิดอยู่เรื่อย ไม่ได้ไปนิพพานเสียที

เมื่อเรารู้และเข้าใจ แต่เพื่อนฝูงญาติพี่น้องไม่เข้าใจ  เราก็เอากายละเอียดของพวกเขาเหล่านั้นมาเดินวิชาด้วย

พวกเขาเหล่านั้น ก็จะได้บุญบารมีมีความสุขเพิ่มขึ้น สำหรับการตรวจสอบผู้ที่ยังไม่ตายนั้น  เราก็ดูดวงบุญของพวกเขาเหล่านั้น

ดวงบุญของพวกเขาจะสว่างขึ้น

ประเด็นหัวข้อการวิจัยประเด็นนี้  ถ้าให้ผมทำวิจัยนะ ดีกว่าฝรั่งเยอะแยะ เพราะ ผมทั้ง “รู้” และ “เข้าใจ”  แต่ฝรั่งท่าน “รู้” อย่างเดียวเท่านั้น....



2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ9 ตุลาคม 2558 เวลา 09:54

    เรียน ดร.มนัส

    แสดงว่า คนที่ยังไม่ตาย ดร.ก็สามารถเรียกกายละเอียดเขามาเดินวิชากับเราได้ใช่หรือไม่ครับ

    ตอบลบ